การใช้น้ำมันหรือออยล์บำรุงผมนี้ มีมาแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ หากแต่คนโบราณยังไม่รู้วิธีที่จะใช้ผลิคภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยคุณค่า เพื่อเส้นผมนี้โดยไม่ให้เส้นผมดูลีบลู่มันแผลบ เวลาผ่านไปเราค่อย ๆ เรียนรู้การใช้น้ำมันเหล่านี้เพื่อบำรุงผมได้ดีมากยิ่งขึ้น ยิ่งปัจจุบันเราสามารถสกัดน้ำมันจากพืชได้หลากหลายชนิดมากขึ้น ซึ่งออยล์ที่ได้จากพืชแต่ละชนิด ก็มีคุณสมบัติเหมาะที่จะบำรุงผมที่มีสภาพต่าง ๆ กันไป สาว ๆ ที่สามารถเลือกใช้ออยล์ได้ถูกกับสภาพเส้นผมของตัวเอง ทุกคนจึงต่างพอใจกับผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์จากน้ำมันใส่ผมเหล่านี้ ที่ช่วยให้ผมพลิ้วสลวยมีน้ำหนัก
และ เพื่อให้สาว ๆ สามารถใช้ออยล์บำรุงผมให้สวยได้อย่างใจ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำข้อแนะนำในการเลือกใช้ออยล์ และวิธีการบำรุงให้ถูกกับสภาพเส้นผมมาฝากกันค่ะ
ประเภทและประสิทธิภาพของออยล์ใส่ผม
ออยล์ ใส่ผมที่มีเนื้อค่อนข้างข้นและหนักอย่าง น้ำมันจาดเมล็ดละหุ่ง หรือ เชียร์นัท จะมีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ ทำให้ซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้ไม่ดีนัก แต่จะเคลือบอยู่ที่ผิวด้านนอกของเส้นผมเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนออยล์ที่มีความเข้มข้นของน้ำมัน ในระดับกลางอย่าง น้ำมันสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ อโวคาโด และเมล็ดทานตะวัน จะซึมซับลงสู่เส้นผมได้ดีกว่า โดยเฉพาะในขณะที่ผมเปียกหมาด ๆ ส่วนออยล์ที่มีเนื้อบางใสอย่าง น้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่น น้ำมันมะพร้าว หรือดอกพริมโรส จะซึมซาบลงสู่เส้นผมได้ โดยไม่เหลือความมันทิ้งไว้ที่ผิวด้านนอกของผมเลยค่ะ
สาวผมแห้งเสียใช้ออยล์บำรุงทั้งเส้นผมและและหนังศีรษะ
หลาย ๆ คนมักใส่ออยล์เพียงที่บริเวณปลายผม แต่ความจริงแล้วควรใส่และนวดออยล์ที่บริเวณหนังศีรษะของเราด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพของเส้นผมด้วยค่ะ หนังศีรษะก็เป็นเช่นเดียวกับผิวหนังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ยังคงต้องการความชุ่มชื้น หนังศีรษะที่แห้งขาดความชุ่มชื้น จะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากเพื่อหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้นไม่ให้แห้ง ทำให้เกิดปัญหาผมมันได้เช่นกัน เราจึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะบ้าง เพื่อรักษาสมดุลการสร้างน้ำมันของต่อมไขมันภายใต้ผิวหนัง หากคุณมีเส้นผมที่สุขภาพดีอยู่แล้ว สามารถใช้ออยล์ที่เพียงบริเวณปลายผมได้ ส่วน