"สวีเดนมี 4G" บอกอะไรคนไทย Cyber Weekend (1/2)
เข้าชม/อ่าน 530 ครั้ง2011-6-20 13:23
|เลือกหมวดหมู่:update
ประวัติศาสตร์โลกจารึกไว้เมื่อเดือนธันวาคมปี 2009
ว่าสวีเดนคือประเทศแรกในโลกที่เปิดให้บริการ 4G ในเชิงพาณิชย์
วันนี้เวลาผ่านไปแล้ว 1 ปีครึ่ง สวีเดนกลายเป็นประเทศที่มีพื้นที่สัญญาณ 4G
ครอบคลุม 20% ของประเทศ และคาดว่าจะขยายคลุมทั่วประเทศได้ในปี 2013
หากไม่นับรวมโอเปอเรเตอร์เบอร์ 1 ของสวีเดนอย่างเทเลโซเนียรา
เทเลนอร์สวีเดนระบุว่าขณะนี้ฐานลูกค้า 4G
ของเทเลนอร์สวีเดนซึ่งมีความเร็วเครือข่ายอยู่ที่มากกว่า 80Mbps มีจำนวนราว
10,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านสื่อที่ต้องใช้การกระจายสัญญาณ
ถามว่าปรากฏการณ์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เกิดขึ้นใน
สวีเดน บอกอะไรประเทศไทยที่ธุรกิจ 3G ยังไม่มีวี่แววตั้งไข่ในเชิงพาณิชย์
และสิ่งใดบ้างที่สวีเดนมีแต่ประเทศไทยไม่มี
รวมถึงแนวทางใดที่โอเปอเรเตอร์ไทยควรลองพิจารณาเพื่อให้คนไทยได้ใช้บริการ
4G ในราคาไม่บาดเจ็บมากนัก ทั้งหมดนี้มีคำตอบ
1. รัฐบาลต้องตั้งเป้า
รัฐบาลสวีเดนกำหนดชัดเจนว่าปี 2020
พลเมืองสวีเดนควรจะได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 100Mbps ครอบคลุม 90%
ของประชากร ขยายจากปัจจุบันที่ครอบคลุมอยู่ 40%
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐ
บวกกับภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งภูเขาสูงและลุ่มน้ำ
ทำให้โอเปอเรเตอร์สวีเดนเลือก 4G
เพราะสามารถส่งสัญญานบรอดแบนด์ไร้สายได้โดยไม่ต้องลากสายทองแดงเข้า
บ้านอย่างในอดีต
โดยขณะนี้สวีเดนมีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ผ่าน
สาย (Fixed) ราว 3 ล้านคน ผู้ใช้บรอดแบนด์ไร้สาย (Mobile) ราว 1.7 ล้านคน
ตามสถิติปี 2010
2. 4G (ยัง) ไม่เกี่ยวกับมือถือ
ในนาทีที่โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาที่รองรับ 4G
ทั่วโลกยังมีปริมาณน้อยเหลือเกิน การพูดถึง 4G ในสวีเดนและนอร์เวย์
(กำลังจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปีหน้า)
จึงเป็นการใช้งานด้านข้อมูลหรือดาต้าผ่านโมเด็มหรือดองเกิล (Dongle)
ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์หน้าจอใหญ่อย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก การแสดงศักยภาพ
4G ในวันนี้จึงเน้นที่การดูภาพยนตร์ ฟังเพลง เกมออนไลน์
และคอนเทนต์อื่นๆที่ต้องการระบบรับส่งข้อมูลขนาดมหาศาลในเวลาเรียลไทม์
ขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจะไปหา 3G ตามธรรมเนียม
ที่น่าสนใจคือ การมี 4G ไม่ได้แปลว่าไว-ไฟจะถึงกาลอวสาน
เพราะแม้จะมีทั้ง 3G และ 4G
แต่เทเลนอร์สวีเดนก็ยืนยันว่ายังมีผู้ใช้บริการไว-ไฟอยู่อย่างเหนียวแน่น
3. ไทยจะไม่เริ่มต้นจากศูนย์
อย่างน้อยก็มีดีแทครายหนึ่งแล้วที่ระบุว่าจะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
เรื่อง 4G จากบริษัทแม่มาพัฒนาต่อยอดในเมืองไทยโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
บนเงินลงทุนระยะยาวที่เป็นไปตามโอกาสเติบโตของตลาดไทย
ดีกรีบริษัทแม่ของดีแทคอย่างเทเลนอร์นั้นรู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในโอ
เปอเรเตอร์รายใหญ่ในโลกที่มีลูกค้าสมาชิกกว่า 120 ล้านคนใน 13
ประเทศภูมิภาคเอเชีย ยุโรปกลาง และกลุ่มประเทศนอร์ดิก ประสบการณ์ให้บริการ
4G
ในสวีเดนและที่กำลังจะเกิดคือนอร์เวย์ทำให้เทเลนอร์รู้ว่าควรสร้างความแตก
ต่างให้บริการของตัวเองอย่างไรในนาทีที่คู่แข่งเองก็มี 4G เหมือนกัน
ซึ่งขณะนี้ เทเลนอร์มีบริการด้านคอนเทนต์อย่างโคโมโย (Comoyo)
บริการที่เทเลนอร์จะร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตรายการทีวีในท้องถิ่นเพื่อให้
ผู้บริโภคชมรายการออนไลน์ผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติง หรือบริการวิมพ์ (WiMP)
บริการสตรีมมิงเพลงออนไลน์ให้ลูกค้าเทเลนอร์สามารถฟังเพลงได้บนทุกอุปกรณ์
ซึ่งมีเพลงในระบบขณะนี้มากกว่า 10 ล้านเพลง
บนสมาชิกในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียราว 2 แสนคน
ยังมีบริการเทเลนอร์คอนเน็กชัน (Conextion) และเทเลนอร์ออบเจ็ค (Object)
บริการติดซิมการ์ดในสิ่งต่างๆที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์
และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ
เพื่อพัฒนาเป็นระบบอำนวยความสะดวกผู้ใช้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
จุดนี้เทเลนอร์ยกตัวอย่างว่าผู้ใช้เครื่องวัดความดันปอดแบรนด์ออมรอน
(OMRON)
สามารถตรวจวัดร่างกายตัวเองก่อนไปพบแพทย์แล้วส่งไปทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่
ต้องเชื่อมต่อเครื่องกับคอมพิวเตอร์ หรือผู้ใช้รถนิสสัน (Nissan)
ซึ่งสามารถตรวจสอบสถานะแบตเตอรีรถและเปิดแอร์จากทางไกล
ทั้งหมดนี้เทเลนอร์นอร์เวย์พูดเองว่าสามารถนำมาโลคัลไลซ์เพื่อปรับใช้กับ
เมืองไทยได้เลย
โดยพันธกิจในประเทศไทยของเทเลนอร์คือการพัฒนาในระยะยาวและต่อเนื่อง
เพราะมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจไทยซึ่งมีปัจจัยหนุนทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค
ที่เปลี่ยนแปลง ราคาอุปกรณ์ที่ไม่แพงเกินเอื้อม และความสามารถของระบบ
ทุกอย่างรวมกันเป็นโอกาสแม้จะมีปัญหาเรื่องความสับสนจากการกำกับดูแลกิจการ
โทรคมนาคมของรัฐบาลไทย
อีกปัจจัยหนุนให้เทเลนอร์เทความเชี่ยวชาญเรื่อง 4G
มาที่ประเทศไทยคือการที่ดีแทคระบุว่า
ตัวเลขการใช้งานสมาร์ทโฟนบนระบบดีแทคในขณะนี้
มีจำนวนมากกว่าบริษัทลูกของเทเลนอร์ในประเทศอื่นๆ
4. มีทางทำให้ราคา 4G ไม่แพงเกินเอื้อม
ปัจจุบันประชากรสวีเดนมีจำนวน 9 ล้านคน มีโอเปอเรเตอร์ 4 ราย เบอร์ 1
คือเทเลโซเนียรา (Teliasonera)
บริษัทที่กินส่วนแบ่งผู้ใช้บริการในสวีเดนถึง 4 ล้านคน เบอร์ 2 และ 3
คือเทเลนอร์สวีเดน และเทเลทู (Tele2) ตามด้วยไฮทรีจี (Hi3G) ของกลุ่มทรี
(3) ในเครือฮัทชิสัน ฮ่องกง
สิ่งที่เทเลนอร์และเทเลทูทำคือการยอมทิ้งบทคู่แข่ง
สวมหมวกพันธมิตรในการขยายโครงข่ายร่วมกัน
เพื่อให้ได้ผลตามนโยบายรัฐและเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ
โดยตัดสินใจแชร์เงินทุนคนละครึ่งจัดตั้งบริษัท Net4Mobility
พร้อมนำคลื่นความถี่และใบอนุญาตประกอบกิจการ 4G
มาแชร์หรือแบ่งปันกันตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว บริษัท Net4Mobility
จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างโครงข่ายสำหรับทั้งเทเลนอร์และเทเลทู
โดยที่กลไกตลาดและความแข็งแกร่งของบริการคือเครื่องสร้างความแตกต่างระหว่าง
2 แบรนด์
วิสัยทัศน์ของเทเลนอร์และเทเลทูตรงกัน ในการมองว่า 4G
คือคีย์หลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
ประกอบกับรัฐบาลก็สนับสนุนให้มีการร่วมทุนเพื่อให้ทั้งคู่แข่งกันที่บริการ
อย่างเป็นธรรม ผู้ได้รับประโยชน์ในการแข่งขันครั้งนี้คือผู้บริโภค
เพราะคาร์ล เอริค ลาเกอร์แครนซ์ ประธานบริษัท Net4Mobility
ให้ข้อมูลว่าต้นทุนการสร้างโครงข่ายนั้นลดลงถึงครึ่งหนึ่ง
ทำให้ราคาให้บริการลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคสวีเดนที่ต้องการใช้ 4G
จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 3G ราว 30% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความยากของการตั้งบริษัทร่วมทุนนั้นมี
จุดนี้ลาเกอร์แครนซ์บอกว่าความท้าทายอยู่ที่การมีนโยบายการดำเนินงานที่
ชัดเจน
ทั้งในแง่ผู้ร่วมทุนและภาครัฐซึ่งเข้ามาดูแลทั้งการร่วมทุนและการตั้งราคา
ทั้งหมดนี้อยู่บนความเชื่อใจกันและกันแม้ว่าจะต้องแข่งขันอย่างดุเดือด
ลาเกอร์แครนซ์ยังบอกด้วยว่า ในสวีเดน คนที่ครองตลาดเบอร์ 1 จะไม่ต้องการพันธมิตร เพราะสามารถลงทุนทำ 4G ได้เองอยู่แล้ว
..จริงรึเปล่าหนอเอไอเอส..
****รู้หรือไม่****
- อัตราการดาวน์โหลดคนสวีเดนอยู่ที่ 6GB ต่อคนต่อเดือน ลูกค้าอินเทอร์เน็ตที่อายุน้อยที่สุดในสวีเดนคือ 7 ขวบ
- อัตราการเติบโตของตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ช่วง 5
ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2006-2010) อยู่ที่ 1,848% ทำให้ 4G
เป็นความจำเป็นที่โอเปอเรเตอร์มองว่าต้องติดตั้งเพื่อขยายธุรกิจให้รองรับ
ความต้องการที่เกิดขึ้น
- การทดสอบโครงข่าย 4G ของเทเลนอร์สวีเดน
พบว่าการดาวน์โหลดภาพยนตร์ความละเอียดสูงบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กปกติที่
เชื่อมกับเครือข่าย 4G LTE นั้นสามารถเล่นไฟล์ภาพยนตร์ทันทีที่คลิก
โดยไม่มีจังหวะให้เห็นภาพรอโหลดอย่างที่คุ้นตาในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้ทำได้บนรถที่กำลังวิ่งอยู่
- ทีมงานเทเลนอร์บอกว่านี่คือยุคที่ไม่ควรพูดเรื่องอัตราความเร็ว
แต่ควรพูดว่าสามารถทำงานอะไรได้บ้าง เช่น ผู้เล่นเกมรถแข่งออนไลน์
จะได้ระบบที่ทำงานเรียลไทม์ขนาดเห็นท้ายรถของเพื่อนที่ร่วมเล่นได้
จุดนี้ทีมงานเทเลนอร์ระบุว่าจะให้อรรถรสที่เหนือกว่าโดยเฉพาะการตอบสนอง
ระหว่างเกมซึ่งมิตรรักนักแข่งรู้กันดี
หรือความสามารถในการดาวน์โหลดภาพยนตร์ความละเอียดสูงได้พร้อมกัน 16 เรื่อง
ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้องเพราะกลัวเปลืองแบนด์วิธอีกต่อไป
****โลกอนาคตรอเราอยู่****
อีริคสัน สตูดิโอ สถาบันนวัตกรรมของอีริคสันที่ตั้งอยู่ในสวีเดน
ประกาศความเชื่อซึ่งอิงจากผลสำรวจล่าสุดบนโลกออนไลน์ว่าอะไรก็ตามที่ถูก
เชื่อมต่อ (connected) แล้วมีประโยชน์กำลังจะถูกเชื่อมต่อ
สิ่งของทั้งกระเป๋า รถยนต์ หรือแม้แต่ต้นไม้ คาดว่าสิ่งของมากกว่า 5
หมื่นล้านชิ้นทั่วโลกจะถูกเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใน 5 ปีนับจากนี้
แถมไม่ใช่คนเท่านั้นที่มีเครือข่ายสังคม
อนาคตสิ่งของก็อาจมีเครือข่ายสังคมด้วย โดยอีริคสันโชว์ต้นแบบ Social Web
of Things
หรือเว็บไซต์เครือข่ายสังคมสิ่งของที่ผู้ใช้จะสามารถสั่งการและฟังการตอบโต้
จากสิ่งของผ่านโลกออนไลน์ได้ ยกตัวอย่างเช่นการถามว่า
"กระเป๋าจ๋าเธออยู่ไหน"
กระเป๋าจะสามารถส่งข้อความตอบกลับมาบนกระดานส่วนตัวของผู้ใช้ได้
รวมถึงการสั่งปิดม่านให้ต้นไม้ที่ส่งข้อความบ่นถึงเจ้าของได้ว่า
"แดดแรงเกินไป"
หรือการสั่งปรับนาฬิกาปลุกให้เร็วขึ้นตามสภาพจราจรบนท้องถนนแบบอัตโนมัติ
ยังมีอุปกรณ์ดึงข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจสุขภาพด้วยตนเองเพื่อส่งไปยังโลกออ
นไลน์ซึ่งอีริคสันบอกว่าสามารถทำได้ผ่านซิมการ์ดที่ติดในอุปกรณ์นี้
แม้อุปกรณ์ตรวจสุขภาพนั้นจะไม่ใช่แบรนด์อีริกสันก็ตาม
ที่น่าสนใจจากศูนย์นี้คือแนวคิดการใช้เสาสัญญาณไฟจราจรเป็นเสากระจายสัญญาณ
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยตามทฤษฎีสามารถทำได้จริง
ซึ่งไม่แน่ว่ากทม.อาจสนใจโครงการนี้ก็ได้