สำนัก
ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ว่า
ศาลอิหร่านได้อนุญาตไฟเขียวให้นางบาห์รามี เหยื่อหญิงซึ่งถูกนายมาจิด
โมวาฮีดี วัย 30 ปี
หนุ่มคลั่งรักทำร้ายร่างกายเธอด้วยการสาดน้ำกรดจนทำให้เสียโฉมและตาบอด
ภายหลังถูกปฎิเสธไม่ยอมแต่งงานด้วย
สามารถดำเนินการแก้แค้นด้วยการใช้น้ำกรดทำให้นายมาจิดตาบอดได้ตามที่เธอต้อง
การแล้ว
และนับเป็นครั้งแรกที่อิหร่านมีคำพิพากษาให้เหยื่อสามารถทำให้ผู้ทำร้ายร่าง
กายตาบอดได้ด้วยการใช้น้ำกรดแก้แค้นในลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน
รายงาน
ระบุว่า ในคดีนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2004นางบาห์รามี
ได้ขอร้องศาลให้เธอสามารถแก้แค้นนายมาจิดด้วยการทำให้เขาตาบอด
ภายหลังเขาได้สาดน้ำกรดใส่เธอขณะเดินทางกลับบ้านจากที่ทำงาน
โดยเธอปฎิเสธที่จะรับเงินชดเชยค่าเสียหายที่หนุ่มคลั่งรักรายนี้เสนอให้
แต่บอกกับศาลว่า เธอต้องการให้นายมาจิดได้รับความเจ็บปวดเยี่ยงที่เธอได้รับ
ขณะ
ที่ทนายความของเธอระบุว่าการตัดสินที่ดีได้เกิดขึ้นแล้ว
โดยจะมีการดำเนินการลงโทษนายมาจิดด้วยวิธีที่เหมาะสม
ด้วยการทำให้นายมาจิดสลบ ก่อนที่นางบาห์รามีจะหยอดน้ำกรดใส่ตาของเขา
รายงาน
ระบุว่า
เจ้าหน้าที่อิหร่านได้สนับสนุนคำตัดสินดังกล่าวเพื่อหวังจะยุติคดีสาดน้ำกรด
ที่เพิ่มขึ้นสูง แต่กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนได้เตือนว่า
การตัดสินดังกล่าวเป็นวิธีการที่ไร้มนุษยธรรม
โดยสำนักงานอังกฤษประจำกรุงเตหะรานระบุว่า การโจมตีนางบาห์รามี
เป็นอาชญากรรมที่น่าสยองจริง
แต่อังกฤษวิตกต่อคำตัดสินของศาลอิหร่านที่อนุญาตให้เหยื่อสามารถใช้น้ำกรด
แก้แค้นผู้กระทำต่อเธอได้
พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิหร่านยอมรับหลักสากลยุติการลงทัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
ทั้ง
นี้ นางบาห์รามี ยังมีกำหนดจะตีพิมพ์หนังสือชื่อ"ตาต่อตา"ของเธอ
เล่าเรื่องชีวิตของเธอและเหตุการณ์สลดที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอที่ทำให้เธอ
ตาบอดด้วย
ขอบคุณเว็บกระปุก และข่าวจาก มติชนออนไลน์
กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน กลับมาต่อว่า นางบาห์รามี แต่ผมว่าสมควรแล้ว ที่คนกระทำกับเธอจะได้รับรู้ความรู้สึกนี้บ้าง