- เครดิต
- 1701
- เพื่อน
- ทักทาย
- บล็อก
- อัลบั้ม
- โพสต์
- กระทู้
- แชร์
- สำคัญ
- สิทธิ์อ่าน
- 50
- จำนวนผู้ติดตาม
- จำนวนผู้กำลังติดตาม
- เพศ
- ไม่บอก
|
10 อันดับสิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศ
7 |5 g% k! U% {- c
0 p; D; W$ @/ Y }+ T
6 L7 E- c1 h! E& l; C- y# S" R" x( W3 R1 E9 y. c. [. F; m
อันดับ 10: ไข่นกกระจอกเทศ
1 _! M+ r. ~- J1 ]* s) fเรื่องมีอยู่ว่า...! s2 c6 B) ]6 Q' x
+ H) @. r# p( ~9 N+ T2 t) ]+ ^1 z: w
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีชาวประมงพบไข่ขนาดใหญ่ขนาดเท่าลูกมะพร้าว ซึ่งเจ้าของไข่เปิดเผยว่า ขณะที่เขาตระเตรียมอวนตาข่ายเพื่อหาปลา ได้สังเกตเห็นวัตถุสีขาวลักษณะกลมรีคล้ายไข่ไก่ แต่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ ตั้งอยู่บนพื้นในพงหญ้า จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าลักษณะภายนอกเปลือกแข็งเหมือนไข่ทั่วไป มีสีขาวครีม ส่งกลิ่นคาว ซึ่งชาวบ้านบางคนคาดว่าสัตว์ที่เป็นเจ้าของคงจะตัวใหญ่มาก และบริเวณที่พบมีน้ำลึกมาก อาจมีสัตว์น้ำขนาดใหญ่มาอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันบริเวณนั้นอยู่ห่างจากทะเลประมาณ 700 เมตร ถือว่าไม่ไกลมากนักอาจมีสัตว์บางชนิดขึ้นมาจากทะเลแล้ววางไข่ก็เป็นได้ จึงมีการจุดธูปกราบไหว้บูชาและใช้แป้งโรยไปที่ไข่ (หมายถึงไข่ใบที่เก็บมาจากทะเล) แล้วใช้มือลูบหวังให้เห็นเลขเด็ด# O7 o9 ?, w# J* j! p1 E" j
! Z% t! u$ J( S' }2 I# `" e0 L( jเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...6 v, h U7 V1 @/ p( S3 S5 F6 Q, }1 U
นางระวีวรรณ ยิ่งวรรณศิริ หัวหน้าปศุสัตว์ จ.พังงา เปิดเผยว่า ไข่ที่พบน่าจะเป็นไข่ของนกกระจอกเทศ โดยที่จังหวัดพังงามีฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่ 2-3 แห่ง ลูกจ้างของเจ้าของฟาร์มอาจจะขโมยมาจากที่อื่น แล้วนำมาทิ้งไว้ เพื่อจะนำไปปรุงรับประทาน เพราะไข่นกกระจอกเทศนั้นมีราคาแพงมาก ใบละ 100 กว่าบาท แต่เพื่อมั่นใจว่าใช่หรือไม่ ใช่ ต้องนำไข่ไปพิสูจน์ในห้องแล็บ แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะจากการสอบถามเจ้าของไข่แล้ว ไม่ยอมให้นำไปพิสูจน์ และขณะนี้พบว่าไข่เริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว
5 X5 g+ i* f$ r0 Y# G7 A4 ?2 i
3 M( Y5 e% K2 K2 u: e9 y3 ^
/ B" \. b% y# S0 X& W# Y* O, a9 h2 _อันดับ 9: ต้นหว้า }/ B! K6 B6 ]% v" @
4 [: S i* V J. ~
เรื่องมีอยู่ว่า...
' F6 O ?/ G, h# g6 O; a+ u- G6 q4 M/ Q1 i# p8 ^
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีนี้ ที่ อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านจำนวนมากแห่ไปมุ่งดูและกราบไหว้ต้นหว้าที่มีน้ำไหลออกมาอย่างขาดสาย เจ้าของที่ดินกล่าวว่า ตนเองกำลังจะตัดต้นไม้ต้นดังกล่าวเพื่อต้องการ ไถดินเพื่อนำนา แต่หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวันจึงได้หยุดพักโดยได้นั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ ดังกล่าวซึ่งเป็นต้นหว้า แต่เมื่อนั่งไปได้ระยะหนึ่งรู้สึกว่ามีหยดน้ำไหลออกมาจากต้นไม้ ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มเดินตรวจสอบบริเวณต้นไม้จึงพบว่ามีหยดน้ำที่ไหลลงมาจากต้นไม้และไม่ ใช่หยดน้ำที่เกิดจากน้ำค้างอย่างแน่นอน และเมื่อข่าวแพร่สะพรัดออกไปชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันมาดูพร้อมกับน้ำภาชนะ มารองรับน้ำเพื่อนำกลับไปดื่มและอาบเพราะเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนยังเชื่ออีกว่าน้ำที่หยดลงมานั้นเป็นหยดน้ำตาของ ต้นไม้ที่เสียใจว่าจะต้องถูกตัดทิ้งจึงได้ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปตนเองคงจะไม่กล้าที่จะตัดต้นไม้ต้นนี้ทิ้งอย่างแน่ นอนเนื่องจากชาวบ้านต่างมามุงดูและไม่ยอมให้ตนเองตัดทิ้ง
- _& }4 Y, r0 n& Z
+ {3 U- g/ f, Oเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...# D7 Q" w5 y$ r, S; n. J
ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นหว้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติความสูงประมาณ 15 เมตร มีอายุราว 20 ปี ซึ่งต้นว่าเป็นต้นไม้ที่รับประทานผลได้ ส่วนสาเหตุของเรื่องประหลาดที่มีน้ำหยดลงมานั้น จากการตรวจสอบพบว่าน้ำได้ไหลออกมาจากส่วนใบ ผ.ศ. ยงยุทธ์ จรรยารักษ์ กล่าวว่านี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ความชื้น ความกดอากาศ สภาวะแวดล้อม และ กระบวนการหาอาหารของต้นไม้ ซึ่งในบางครั้งที่อากาศมีความชื้นสัมพันธ์สูง น้ำจะระเหยเป็นไอสู่บรรยากาศได้น้อยลง ทำให้การคายน้ำลดลง แต่แรงดันน้ำในต้นพืชยังสูงอยู่ จึงสามารถพบหยดน้ำที่บริเวณกลุ่มรูเปิดที่ผิวใบซึ่งเรียกว่า ไฮดาโทด (hydathode) มักพบอยู่ใกล้ปลายใบหรือขอบใบตรงตำแหน่งของปลายท่อลำเลียง การคายน้ำในลักษณะนี้เรียกว่า กัตเตชัน (guttation) ทำให้พืชสามารถดูดน้ำทางรากเข้าไปใช้ได้ ไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจของต้นไม้แต่อย่างใด
7 I5 i9 v+ b0 W# P: `! z9 R. `8 @* ?3 D$ B
& U8 d3 j5 g% ]3 D/ C& K) U
อันดับ 8:ควาย
$ |4 X6 N: I, t' G3 D; M% I2 Q) \' M0 W, f" U" t/ k
เรื่องมีอยู่ว่า...
* k, D. ]7 h3 a1 |" E) {3 f9 J. _; Z
9 m8 v; `' K- \5 |2 C' i3 s' Vบ่ายวันที่ 23 กันยายน 2550 ได้มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศในจ.ศรีสะเกษจำนวนมากนำดอกไม้ ธูปเทียนมากราบไหว้ลูกควายประหลาดมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคน ถูกจัดวางให้อยู่ในสภาพนอนหงาย แขนขากางออกจากกันลักษณะเหมือนกับท่าทางคนนอนหลับ เจ้าของลูกควายประหลาด เปิดเผยว่า มีควายอยู่ทั้งหมด 9 ตัว โดยแม่ของลูกควายประหลาดนี้เป็นตัวที่ 5 ได้ตกลูกออกมาเมื่อ มีลักษณะประหลาดท่าทางเหมือนคนทุกอย่าง ตั้งแต่ศีรษะ ปาก จมูกหู รวมทั้งขาทั้ง 4 ข้าง (เหมือนคนทุกอย่าง???) แต่ไม่มีอวัยวะแสดงลักษณะของเพศผู้หรือเพศเมีย และลูกควายประหลาดได้เสียชีวิตทันทีตั้งแต่แรก ตนกับสามีจึงได้นำซากควายประหลาดไปฝังดินไว้ในนาของตัวเอง ชาวบ้านบางส่วนได้นำน้ำปะพรมบนซากควายประหลาด และเอาแป้งทาตามร่างของซากลูกควายเพื่อขอหวยตามความเชื่อของตัวเองอย่าง คึกคัก พร้อมนำเงินมาทำบุญใส่ในขันเงินและหยอดตู้ไม้ตามแต่ศรัทธา
& ^4 _' H0 ]& x. U/ G
% Q3 b! ^0 j0 L) n; Sเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...% ]$ _& c( r2 I' z
' a% k6 d- A5 Nหลวง ปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรมบ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า อาตมาเห็นว่าการที่ชาวศรีสะเกษพากันแห่ไปกราบไหว้ซากลูกควายประหลาดนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถจะทำได้ แต่ว่าตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ว่า จะต้องให้พุทธศาสนิกชนไปกราบไหว้ซากสัตว์แต่อย่างใด, L$ y8 _1 S3 @
" k4 N6 K/ d! B4 S6 s4 s' Z

- S: `* ~# R& n. }1 I; `1 j8 Q/ z4 }4 ~8 Q5 M( \" ]$ g
ชัดๆ
6 B' v8 `1 {0 M$ F
8 B+ G+ R6 q- ?. qอันดับ 7: เห็ดเขาเหม็น/ {$ _- Q7 w6 K
& q7 b% G/ ~6 Eเรื่องมีอยู่ว่า...1 `/ t' I2 S* @6 ~7 K% s$ x
/ e- p) O+ [; g. G8 a
เมื่อ วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีชาวบ้านล่ำลือกันว่าพบเห็ดประหลาดโผล่ขึ้นมามีลักษณะคล้ายกับหนวดปลาหมึก สูงประมาณ 7-8 นิ้ว โผล่ชูหนวดขึ้นมาประมาณ 8-9 หนวดแถมยังมีน้ำคล้ายน้ำเมือก เจ้าของเห็ดกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ได้ฝันเห็นงูสีปีกแมงทับเขียวมรกตขนาดใหญ่ 3 ตัว ในฝันนั้นบอกว่างูทั้ง 3 ตัวเป็นผัวเมียและลูกได้มาเกี้ยวพันกันอยู่ในขื่อภายในบ้านของตนแต่ก็ไม่ได้ ฝันอะไรต่อไปอีก จึงทำให้ตนสงสัยว่าจะเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หรือไม่ เพื่อความสบายใจของประชาชนในละแวกนี้และผู้ที่พบเห็น ตนจึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุที่ดีแก่ ครอบครัวและชุมชน
3 W! |% X2 m) q9 U; I3 l- y- p
9 p+ Q# _( `0 ^3 C4 \% T" P `เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้..." ~8 w/ O+ j( j0 E8 T3 H+ K
6 e( F: y/ Q( d, I7 Q* lเช่น เดียวกับเห็ดมือผีที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เห็ดชนิดนี้อยู่ในกลุ่มของเห็ดเขาเหม็น (Stink Horn) เห็ด กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษคือ จะส่งกลิ่นเหม็นเมื่อดอกเห็ดแก่เพื่อดึงดูดแมลงให้มาตอม ซึ่งจะทำให้สปอร์ติดตัวไปกับแมลงเพื่อกระจายพันธุ์ยังที่อื่นได้ เป็นเห็ดที่มีลักษณะแตกต่างไปจากราทั่วไป คือ บางชนิดมีรูปร่างคล้ายการพนมมือไหว้ เช่น เห็ดในสกุล Pseudocolus หรือบางชนิดอาจมีลักษณะคล้ายเขาสัตว์2 H/ w3 n3 ?3 e9 O& `8 f, f6 ~
9 W1 n9 Q5 i) o, P+ G

9 W* P6 U" }& ]- |0 W% X' o: X, z. V) b- ^9 Y4 A& d+ n
อันดับ 6:ปลาจระเข้0 Y4 N0 \9 w, F4 ~
9 i; y% M* [2 P! M3 [# H* w
เรื่องมีอยู่ว่า...' C1 a) M0 U) X& a& V6 J6 d7 B% @
8 `+ B& `: M5 |# Z0 }
วัน ที่ 27 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ชาวปทุมธานีพบกับปลาประหลาดที่ลำตัวมีเกล็ดสีดำเทาเงาคล้ายเกล็ดงูเห่า มีลิ้น 2 แฉก ลักษณะแฉกมนคล้ายรูปหัวใจ และมีกลิ่นคาวปลา เหม็นแรงกว่าปลาชนิดอื่นๆ มีความแปลกเหมือนมีลักษณะของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของปลา งู จระเข้ รวมกัน ซึ่งเจ้าของปลาดังกล่าว เล่าว่าตนฝันแปลกๆ ฝันเห็นว่ามีผู้หญิงแก่เดินเข้ามาหาและจับมือตนไว้ จากนั้นเข้ามากอด เมื่อหญิงแก่คนนั้นกอดตนแล้วสภาพร่างกายของหญิงแก่ก็กลายสภาพเน่าเฟะเหม็น เหมือนศพ จากนั้นตนสะดุ้งตื่น ตอนเช้ามาจึงใส่บาตรทำบุญ และจุดธูปไหว้ขอขมา ซึ่งชาวบ้านที่เข้ามาดูต่างพากันมาลูบที่ตัวปลา มีบางคนมาขอเกล็ดไปไว้บูชาที่บ้านบ้าง จุดธูปไหว้บ้าง วันนั้นทั้งวันตนไม่เป็นอันขายของ เพราะต้องเดินเข้าออกไปมาหยิบปลาประหลาดให้ชาวบ้านที่แห่มาขอดู
7 q# ]! w" y3 @% w; M+ _& ^. ` r7 M8 c, c1 C1 m0 d8 P- M2 U
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้.../ h# O$ p+ E! H( S
& A4 |% k) S0 A9 fดร. สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่า ปลาที่พบคือ ปลาจระเข้ หรือปลาอัลลิเกเตอร์ การ์ อาศัยอยู่มากในแถบรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับปลาชนิดนี้เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยส่วนมากถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และเลี้ยงไว้ในบ่อตกปลา ปลาในข่าวอาจจะมีผู้นำมาเลี้ยงเมื่อเกิดเบื่อก็นำมาปล่อยทิ้ง หรืออาจจะหลุดออกมาในช่วงน้ำท่วม ซึ่งในปีพ.ศ.2545 ทางกรมประมงประกาศห้ามนำเข้าปลาจระเข้ เนื่องจากเป็นปลากินเนื้อ อาจทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำ ด้วยการกินปลาพื้นเมืองที่มีขนาดเล็กกว่า จนทำให้ระบบนิเวศเกิดความเสียหายหรือปลาอาจสูญพันธุ์ได้' C0 a @) w* G. A4 E5 C1 V9 f' O4 v
c8 X/ Z3 X* ^
( }& V6 n3 N* R( a! D d
อันดับ 5: ต้นบุก
' J# Y# T* @: B9 z5 L( c& _8 Q1 q3 M4 h6 o9 ~4 \
เรื่องมีอยู่ว่า...
6 z! |" O, M u6 V) l4 G3 R% C3 h& }3 V6 ~0 W
ใน วันที่ 24 เมษายน 2550 ชาวบ้านเมืองพิจิตร ต่างมาชุมนุมกัน หลังทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีต้นไม้ประหลาดผุดขึ้นมาจากพื้นดิน มีลักษณะคล้ายพานพุ่มที่จัดวางบนโต๊ะหมู่บูชา โดยต้นไม้ดังกล่าวสูงประมาณ 25 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งหากมองจากทางด้านข้างจะเห็นคล้ายพานพุ่ม แต่ถ้ามองจากด้านบนจะคล้ายใบโพธิ์เรียงล้อมรอบ ชาวบ้านที่ เดินทางมาดูต้นไม้ประหลาดดังกล่าวต่างพากันจุดธูปเทียนกราบไหว้ พร้อมทั้งบนบานขอให้มีโชคลาภ เพราะลือกันว่าในงวดที่ผ่านมามีผู้ถูกรางวัลเลขท้ายสองตัวจากจำนวนก้านธูป ที่คนนำมากราบไหว้กัน" }% _* n0 |9 d# y8 F4 T
Y8 i2 Z' x+ Q" k
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
" }" x C& L7 _: h) g, [( o0 z! a0 a
มัน คือต้นบุก ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นบอน (Araceae) เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นอวบ ไม่มีแก่น สูง 3-6 ฟุต มีดอกสีม่วงเหมือนดอกหน้าวัว เป็นพืชท้องถิ่นของ ประเทศญี่ปุ่น จีน ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดจีน ในประเทศไทย คนไทยใช้เป็น อาหารกันมาช้านานแล้ว โดยใช้ต้นใบ และหัวบุกมาทำขนม เช่น ขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว) ซึ่งการนำบุกมาทำอาหารจะแตกต่าง กันในแต่ละภาค นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บุกใช้เป็นไม้ประดับที่สวยงามโดย นักจัดสวนนิยมนำมาประดับตามใต้ร่มเงาของไม้ยืนต้นที่มีป่าโปร่ง หรือจะนำมาใส่กระถางเป็นไม้ประดับ) B/ q m; K+ Z3 U" A
7 `+ G7 f/ h; V: }5 U5 K
4 C2 A1 i/ L7 s3 \$ n
อันดับ 4: จิ้งจก
3 [0 w# _ |5 c3 B) f8 m% G
( H; t7 Y, ^% ]$ u6 T2 E, F$ iเรื่องมีอยู่ว่า...# z, m( L$ T1 U2 p+ m2 D
* J# w" K7 G2 H# ~ใน เวลาราวๆ ตีสาม เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บ้านหลังหนึ่งใน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าของบ้านตื่นขึ้นมากลางดึกและจิ้งจกสีแดงตัวหนึ่งเกาะอยู่ในมุ้ง ซึ่งตอนแรกเจ้าของบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไรและนอนหลับไป จนกระทั่งเช้าจิ้งจกสีแดงก็ยังเกาะอยู่ที่เดิม จึงอธิษฐานจิตบอกจิ้งจกตัวนั้นว่า "อยากอยู่ด้วยกันก็ได้" พร้อมทั้งยกมือไหว้แล้วเอื้อมมือไปจับจิ้งจกได้อย่างง่ายดาย โดยมันไม่ได้คลานหลบหนีไปไหน และได้ไปนำเอาตู้ปลามาใส่เลี้ยงไว้ พร้อมตั้งชื่อเจ้าจิ้งจกสีแดงว่า "ถุงเงินถุงทอง" โดยจิ้งจกตัวดังกล่าวมีสีแดงทั้งตัว ขนาดความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร นอกจากนี้นิ้วเท้าทั้ง 4 ข้าง ยังแปลกประหลาดกว่าจิ้งจกทั่วไป ซึ่งปกติจะมีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว แต่จิ้งจกสีแดงดังกลาวมีนิ้วข้างละ 5 นิ้ว เจ้าของบ้านจับใส่ไว้ในตู้ปลามีมุ้งลวดปิดคลุมไว้ ซึ่งบริเวณแผ่นกระจกด้านนอกตู้ ได้มีชาวบ้านนำแผ่นทองคำเปลวมาปิดไว้ บางรายนำผ้าแพร 3 สี และพวงมาลัยมาผูกไว้ที่หน้าตู้ ประชาชนที่เดินทางไปดูจิ้งจกสีแดงต่างแสดง ความตื่นเต้นประหลาดใจ9 a: w- J4 C# `7 k
* Z. J4 C5 b" e; q; |เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...4 c% n9 C: b. r
7 F4 d1 b, W' t& V' p M' Q
นาย อรรถกร สุขทวี ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน สวนสัตว์ดุสิต กล่าวว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจิ้งจกดังกล่าวเป็นสายพันธุ์อะไรเนื่องจากยังไม่ เห็นตัวจริง แต่เบื้องต้นจากลักษณะที่บอก คาดว่าอาจเป็นจิ้งจกสายพันธุ์ต่างประเทศที่มีผู้นำเข้ามาเลี้ยง แต่ยังไม่สามารถระบุชื่อพันธุ์ได้ชัดๆ เพราะไม่มีในเมืองไทย ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้นิยมนำสัตว์เลื้อยคลานจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก - อย่างไรก็ดีทางผู้ชื่นชอบสัตว์เลื้อยคลานจากเว็บ siamreptile เชื่อว่าเป็นจิ้งจกบ้านหางอ้วนตัวเมียที่ตกถังสีมา และยังกล่าวไว้ว่าจิ้งจกดังกล่าวนั้นมี 5 นิ้วอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด* X; \4 J* V& B
. |0 w: V0 k0 g' C* H8 z) t
% [* ]9 `7 e: e7 x) W
อันดับ 3: เสาอาคาร3 }- K1 k( |$ M% |1 P1 T
; M3 x K2 L+ B7 uเรื่องมีอยู่ว่า...
8 Q3 k6 f( T! ^* {# L; [/ |9 N5 q0 I# Z1 E$ f& ]- |; P1 Z# s0 f
เรื่อง เล่ามีอยู่ว่า มีคนงานสาวชาวพม่าตกลงไปในแบบหล่อเสา ขนาดใหญ่ แต่เพื่อนคนงานไม่รู้เลยเทปูนซีเมนต์ทับลงไป ทำให้ฝังร่างเหยื่อทั้งเป็น มารู้อีกครั้งก็ตอนแกะแบบเหล็กออกไปแล้ว จึงเห็นเป็นรูปตัวคนปรากฏอยู่ในเสา วิศวกรคุมงานสั่งให้คนงานช่วยกันกะเทาะคอนกรีตเพื่อนำศพออกมา แต่เนื่องจากคอนกรีตหล่อเสาดังกล่าวมีความแข็งมาก จึงนำศพออกมาได้เพียงบางส่วน จากนั้นวิศวกรจึงสั่งให้อัดซีเมนต์เข้าไปในรอยกะเทาะดังเดิมและฉาบปูนปิดทับ แต่ก็ยังคงปรากฏเป็นรอยปะอยู่ที่เสาสองรอย ซึ่งบริเวณตรงกลางเสาต้นดังกล่าว มีร่องรอยการฉาบปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ปิดทับอยู่ 2 จุด ลักษณะคล้ายถูกเจาะเนื้อปูนเดิมออกแล้วมีการฉาบปูนใหม่ปิดทับ ผิดกับเสาต้นอื่นที่จะมีลักษณะของเนื้อปูนที่ราบเรียบสม่ำเสมอเป็นเนื้อ เดียวกัน โดยบริเวณรอยฉาบปูนมีคราบแป้งคล้ายมีคนมาถูหาตัวเลข และมีแผ่นทองคำเปลวมาติดที่ต้นเสาเพื่อขอหวย นอกจากนี้ยังมีผู้นำสายสร้อยลูกปัดมาแขวนไว้คล้ายเป็นเครื่องเซ่นไหว้ สักการะ8 ^: }% ]- O. }: L$ q* k m
& E1 p' e8 D, [- A0 w" iเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...2 E/ _. d1 V8 M; g
/ \- v4 Y# h2 N" M, \- ` j% zทาง รายการเรื่องจริงผ่านจอได้ติดต่อไปทางวิศวกรผู้สร้างอาคารดังกล่าว และได้คำอธิบายว่า โครงสร้างของเสาที่อาคารหลังนั้นเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นเสาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 60 เซนติเมตร ซึ่งภายในเสาจะเสริมด้วยเหล็กเสริมขนาด 28 มิลลิเมตรมัดรวมกัน จำนวน 60 เส้น ซึ่งรอยปูนนั้นเกิดจากการไหลเวียนขอวงน้ำปูนขณะเทคอนกรีด บางช่วงน้ำปูนไหลไม่สะดวกซึ่งเกิดจาการติดเหล็กเส้นจำนวนมากทำให้เกิดรอยดัง กล่าว และในขณะทำการหล่อเสานั้นจะมีการตรวจสอบที่ละเอียดอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนการเทคอนกรีต ขณะเทคอนกรีต และหลังการเทคอนกรีต ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมใดๆ เช่นเศษลวดหรือเศษไม้ทางผู้ตรวจสอบจะไม่อนุมัติให้เทปูน จึงยากที่จะมีวัสดุแปลกปลอมหลุดเข้าไปได้ นอกจากนี้แล้ว จำนวนเหล็กเสริมที่ผูกเรียงกันข้างในนั้นทำให้มีพื้นที่ภายในเสาเพียง 35 เซนติเมตร ซึ่งแคบกว่าคนจะเข้าไปได้ นอกจากนี้แล้วอาจารย์ภาควิศวกรรมโยธาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำเอา เครื่อง Ultra Sonic ไปตรวจสอบ และไม่พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมใดๆ อยู่ในเสาต้นนั้นอย่างที่ข่าวลือกล่าวไว้เลย6 x0 B4 m, Z- Z' ?8 ]9 E; A
7 }! p: R" s# [+ v 2 e6 w( I/ E2 F" O
. S: W8 }& [$ ]5 @8 B# X
ชัดๆ
9 e6 N9 |( d8 p
7 c2 r3 f+ Z' C0 N3 Cอันดับ 2: แผ่นเจลลดไข้& b3 p* J) q6 @# ~' ^
" j1 i; Z. ^; S! }* `
เรื่องมีอยู่ว่า...3 h9 I8 {; h. C4 K* t# A( e% M$ v
8 B/ h0 H [$ w- G: \2 K' Lเมื่อ วันที่ 11 พฤษภาคม 2549 เกิดพายุฝนตกฟ้าคะนองอย่างรุนแรงที่อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยทานี และปรากฎวัตถุเรืองแสงคล้ายผีพุ่งไต้หล่นลงมาจากฟากฟ้า เมื่อพายุสงบลงเจ้าของบ้านหลังหนึ่งได้พบสิ่งมีชีวิตประหลาดมีลักษณะคล้าย ตัวหนอนเป็นปล้อง สีขาวเป็นวุ้น ข้างในลำตัวมีลักษณะสีขาวขุ่น คล้ายเป็นแกนน้ำแข็ง มีจุดเล็ก ๆ 2 จุดคล้ายตาและมีติ่งยื่นออกมาคล้ายใบหู มีขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งพอจับจะหดตัว แต่พอใส่ในขวดโหลตัวจะพองใหญ่ขึ้น เจ้าของบ้านหลังนั้นจึงนำธูป หมากพลูและดอกไม้มาบูชา เชื่อว่าหากใครมีในครอบครอง 7 อัน (เช่นเดียวกับดราก้อนบอล) จะทำให้เจริญรุ่งเรือง สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ มากไปกว่านั้นยังนำเอาเนื้อเยื่อที่หลุดลุ่ยไปคลุกเคล้ากับข้าวกินกันในครอบ ครัวอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีประชาชนเดินทางไปดูเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ ก่อนจะลงมือจุดธูปเทียนขอเลขเด็ดไปเเทงหวย เลขที่ได้รับความสนใจคือ 115 เเละ 17 โดยตัวเเรกเป็นเลขที่บ้าน ส่วน 17 เป็นจำนวนปล่องที่นับได้จากตัวหนอน' M/ V u) e( w
1 W. N" O: N7 K* ~9 ] dเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
% X+ }! s' D8 Y- X( x) U. c
; f0 l& I! n( V* rจาก ข้อมูลที่ได้มาตามเว็บบอร์ดต่างๆ ว่าแท้จริงแล้วหนอนที่ตกมาจากฟ้านั้นนั้นเป็นเพียงเจลลดไข้ที่อมน้ำไว้ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์พันธุวิศวกรรมฯ จึงได้ทดสอบนำหนอนประหลาดที่ส่งมาจากชาวบ้าน มาเปรียบเทียบกับแผ่นเจลลดไข้ที่แช่น้ำไว้ พบว่าวัตถุทั้ง 2 ชิ้น มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ และหลังจากข่าวได้เผยแพร่ออกไปแผ่นเจลลดไข้ก็ถึงกับขาดตลาด เนื่องจากผู้คนแห่กันไปซื้อมาเล่น โดยมีการนำเอาเอาแผ่นเจลมาย้อมสีและทำการตกแต่งประดับไปด้วยวัสดุต่างๆ เป็นที่สนุกสนานกัน ; Z- S$ H+ C! \" ]( c3 ]6 |* e
4 @ s0 W9 e& T" ^5 p6 ?
& |6 ~7 V" O. b4 T+ `8 _# J2 D/ D. [
อีกรูป
. |: }3 R* W; {' Q) t$ N ( s* ^0 s7 C- ~# E6 d
1 x# J! D4 M! z- Eอันดับ 1: น้ำท่อส้วม1 B% V$ l: F. \- e6 U7 v5 J
* O* U( r2 J& {4 j; l0 lเรื่องมีอยู่ว่า...: D8 ]5 q* i/ o' Q4 H: A
E! d" N ^- U0 ^5 Y# g4 l3 s
เมื่อ วันที่ 4 มกราคม 2550 ชาวบ้าน อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และหมู่บ้านใกล้เคียงนับพันคน แห่มาดูสิ่งประหลาดในรั้วของบ้านหลังหนึ่งที่มีน้ำผุดขึ้นจากดินไหลนองไป ทั่วบริเวณ โดยชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานมาให้กับประชาชนที่ยากจนได้ใช้น้ำดังกล่าวไปรักษาโรค ภัยไข้เจ็บ และเป็นสิริมงคล เจ้าของพื้นที่ที่น้ำผุดขึ้นมา กล่าวว่า เห็นสนามหน้าบ้านผิดสังเกตตั้งแต่ในช่วงเช้า เมื่อตรวจสอบพบว่ามีน้ำซึมออกมาจากดิน เมื่อลองเอานิ้วเขี่ยดู น้ำยิ่งออกมากขึ้น จึงได้บอกให้ชาวบ้านมาดู ซึ่งคืนก่อนเกิดเหตุ ตนได้ฝันเห็นยายซึ่งเสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝัน บอกว่าไม่สบายอยากได้ยาพาราเซตามอล เมื่อตนเดินไปหยิบยามาให้ ยายก็หายไปแล้ว ยายอาจมาเข้าฝันบอกเรื่องยารักษาโรคในขณะตอนเช้าน้ำก็ผุดขึ้นมา ทำให้นึกถึงฝันดังกล่าวและเชื่อว่าเป็นยารักษาโรค จึงได้เอาธูปเทียนดอกไม้มาบูชา และขอน้ำไปเก็บไว้เพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้ ชาวบ้านบางคนกล่าวว่า เข้าคิวรอตักน้ำตั้งแต่ทราบข่าวในตอนเช้ากว่าจะได้ตักน้ำก็เกือบเที่ยง โดยนำธูปเทียน-เงินถวายจำนวน 20 บาท วางใส่ในถาดดอกไม้ คงเป็นบุญของชาวบ้านที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นใจชาวบ้านที่อยู่ในสภาวะข้าวยาก หมากแพง จึงประทานน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้รักษาโรคคนยากคนจน โดยชาวบ้านต่างรุมล้อมเพื่อขอตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าน ในขณะที่น้ำใต้ดินก็ผุดขึ้นมาตลอดเวลา ชาวบ้านที่นั่งรอน้ำผุดขึ้นมามีทั้งน้ำและฟองอากาศ เมื่อชาวบ้านร้องขอให้แสดงปาฏิหาริย์ให้ผุดฟองอากาศ บ่อน้ำขนาดเล็กก็สำแดงให้เห็นทันที
N1 Z! z* P) v; V% k4 p3 Q7 a
$ K& P3 _+ s! N- y, I* O1 Qเหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...+ K* R i- s% H" V+ P4 K
& P- A; a7 `1 J, A( p _* qเมื่อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำ ในขณะที่จะเข้าไปตักน้ำ ปรากฏว่าน้ำที่ไหลออกมาอย่างรุนแรงหยุดทันทีและยุบตัวจนพื้นดินแห้ง ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 20 นาที น้ำก็ผุดขึ้นมาอีก ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าแพทย์ที่ไปเก็บตัวอย่างน้ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจ เมื่อไหลออกมาอีก นายสุรินทร์ นิภาโยธิน กำนันตำบลแม่จั๊วะ ได้นำลูกบ้านขุดหาที่มาของน้ำศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ก็พบท่อเก่าเป็นท่อพีวีซีขนาด 6 หุน ซึ่งมีน้ำไหลออกมา เมื่อขุดตรวจสอบไปอีก จึงพบว่าเป็นท่อจากส้วมเก่าบ้านติดกันห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 4 เมตรเท่านั้น ซึ่งกำลังมีการสร้างส้วม และกำลังทำการเปลี่ยนปั๊มน้ำเพื่อสูบน้ำเข้าไปในส้วม เมื่อชาวบ้านทราบว่าน้ำดังกล่าวมาจากท่อในส้วมเก่า หลายคนที่ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้วถึงกับอาเจียนออกมาทันที
3 _' o* f, E2 G3 i7 z. ^. Q; q) c3 }# m$ w6 s2 G; D3 D8 W2 Y o
5 f5 ~2 W/ F, q+ X D
เครดิต : คุณ oh_ho t-pageant.com
9 X( k1 C3 a1 g! B |
คะแนน
-
ดูบันทึกคะแนน
|
|
|
|
|
|